เรื่องแบบนี้คงเป็น เรื่องปกติของคนที่ทำงานมาสักระยะ คือ รู้สึก burnout กับการทำงานมาก หลังจากทำงานได้ 15 ปี ผมตัดสินใจใช้เวลาพักจากการทำเกม ตอนนี้ก็พักไป 4 ปีเต็มแล้วครับ แล้วตัดสินใจกลับมาเปิดบริษัทเพื่อพัฒนาเกมต่อแล้วล่ะครับ วันนี้อยากมาแบ่งปันเรื่องของคนที่รู้สึก burnout ว่าเป็นยังไงบ้างนะครับ

ก่อนอื่น ขอนิยามคำว่า burnout ก่อนแล้วกันนะครับว่าหมายถึงอะไร ตาม WHO(World Health Organization) พูดถึง Burnout ว่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอาชีพการงาน แต่ ไม่ใช่โรคทางการแพทย์ ซึ่งทาง WHO ก็นิยามไว้ว่า

Burn-out is a syndrome conceptualized as resulting from chronic workplace stress that has not been successfully managed. It is characterized by three dimensions:

  • feelings of energy depletion or exhaustion;
  • increased mental distance from one’s job, or feelings of negativism or cynicism related to one’s job; and
  • reduced professional efficacy.

หรือ อาการ Burnout เกิดจากความเครียดจากที่ทำงานที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง ซึ่งสามารถสังเกตอาการได้ใน 3 ระดับ คือ รู้สึกเหนื่อยล้า, รู้สึกแย่กับการทำงาน และ ประสิทธิภาพการทำงานต่ำลง คราวนี้ผมอยากเล่าให้ฟังว่า เรื่องราว มันเริ่มต้นยังไง อาการเป็นยังไง แล้วทำไมถึงลงเอยที่การลาออกจากการทำงานเกมที่รักมาก..

เริ่มต้น

ผมเริ่มทำงาน กับบริษัทหลังจากที่บริษัทก่อตั้งมาได้สัก 1-2 ปี ซึ่งหน้าที่หลักของผมเริ่มจากดูแลด้านธุรกิจทั้งหมดของบริษัท ในช่วงแรกรู้สึกท้าทายและสนุกมากครับ ประชุมกับบริษัทต่างชาติทุกวัน มีคนขอซึ้อบริษัทเรื่อยๆ หรือขอเป็น Partner สักรูปแบบหนึ่ง ทั้งที่เองผมไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย เราก็พยายามทำเหมือนว่ารู้เรืองและต่อรองกันไป พอประชุมเสร็จแต่ละครั้งก็โน๊ตว่าเค้าต่อรองอะไรมา แล้วเราจะปรับเกมเรายังไง ให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดกับบริษัท

ในช่วงต้นตลาดเกมมีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างรวดเร็ว ทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงเร็วตาม ผมมองเรื่องการตลาดเป็นเรื่องของการทดลองแบบมีวิธีวัดผล วิธีไหนได้ผลดีสุดเราก็ใช้วิธีนั้น ช่วงที่ตลาดเปลี่ยนจาก Premium เป็น Freemium เราก็เปลี่ยนตาม ที่นี้พอเกิดการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ทำให้คนที่ทำการตลาดอย่างผมต้องการให้เกม เพิ่มและปรับ feature อย่างรวดเร็วตลอดเวลา เพื่อตอบรับกับตลาดและคนที่เป็น Partner ของเรา จนต้องขยายทีม ทั้งนักพัฒนา, เทสเตอร์, customer service และอื่นๆ เพิ่ม เลยปรับตำแหน่งมาเป็น COO ของบริษัท ที่ดูแลการตลาดทั้งหมด และ การทำงานของทุกทีม

ผลปรากฎว่ารายได้บริษัทเติบโตสูงขึ้นหลายเท่าต่อปี จากเดิมที่มากอยู่แล้วสำหรับบริษัททำเกมในไทย รายได้เลยยิ่งมากขึ้นไปอีก ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าบริษัทประสบความสำเร็จในระดับเล็กๆแล้ว แม้กระทั่งบริษัทอย่าง App Annie เองก็จัดให้เราเป็นบริษัทอินดี้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน SEA

สาเหตุและปัญหา

ขึ้นสูงก็ต้องพร้อมตกลง … ด้วยความที่ตลาดเกมมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนถึงช่วงที่ตลาดเข้าสู่ช่วง Free 2 Play ด้วยความที่เกมเราออกแบบโมเดลมาเป็น Freemium การจะเข้าสู่ตลาด Free 2 Play คือต้องออกเกมใหม่ที่เหมาะกับ Free 2 Play แล้วเน้น In App Purchase จึงตัดสินใจย้ายทีมงานทั้งหมดไปเริ่มทำเกมใหม่ 2 เกม แล้วตัวผมเองโค้ดตัวเกมหลักของบริษัท แล้วให้ทีมอื่นทำเกมใหม่ กิจวัตรการทำงานช่วงนี้ก็จะยุ่งหน่อย เพราะนอกจากเขียนโค้ดเกม และดูแลงานทีมต่างๆ แล้ว ยังต้องติดต่อธุรกิจ และเดินทางประชุมและบรรยายอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกก่อนว่า ไม่ได้คิดว่าตัวเองงานยุ่งกว่าคนอื่นในบริษัทนะครับ ทุกคนก็ทำงานกันอย่างหนัก เพื่อทำเกมใหม่เหมือนกัน ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน

ที่ผ่านมาบริษัทโตอย่างต่อเนื่องมาระยะเวลาหนึ่ง พอถึงจุดที่เริ่มตก ก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วง พอเริ่มทำสมการตัวเลขแนวโน้มยอดขายกับรายได้ในอนาคตยิ่งรู้สึกว่าน่าวิตกกังวลกับบริษัทพอสมควร เลยร่างแผนขึ้นมาว่าจะยังรักษาการเติบโตยังไงได้บ้าง แผนนี้ผมมองว่าเป็นทางรอดเดียวของบริษัทในระยะยาว

  • เนื่องจากตลาด Free 2 Play ดุเดือดมาก ถ้าเราจะอยู่ได้ เราต้องเริ่มโฆษณาแบบ Performance ads สำหรับ Install ที่ผ่านมาเราทำแต่ Brand Ads เพราะ โมเดล Freemium ที่เราทำอยู่ การทำ Performance ads ไม่มีทางคุ้ม แต่เราต้องทำ เพื่อค่อยๆ ปรับตัวเข้าสู่โมเดล Free 2 Play สำหรับเกมต่อๆ ไป

  • M&A – หาทางซื้อทีมอื่นเพื่อพัฒนาเกม และ Acquire เกมอื่นมาทำการตลาด ช่วงนั้นมีทีมน้องๆ ที่เก่งมากๆ อยู่ในเชียงใหม่ จึงติดต่อเพื่อให้พัฒนาเกม แล้วดูความเป็นไปได้ในการทำงานด้วยกันในอนาคต กับ ซื้อสิทธิ์ขาดในตัวเกมต่างๆ ทีมีในตลาดอยู่แล้ว ซึ่งก็ติดต่อจนร่างสัญญาไว้แล้ว

แต่แล้วทุกอย่างไม่เป็นดังแผน เพราะทีมไม่เห็นด้วยที่เราจะใช้แผนนี้ แล้วต่อไปเราจะทำยังไงดี

ปัญหา

ช่วงเวลานี้เอง เป็นช่วงเวลาที่เกมใหม่ที่ทีมทำปล่อยออกมา แล้วไม่ประสบความสำเร็จในแง่รายได้ อีกทั้งมีอีกหลายเกมที่ทำเสร็จแต่ก็ไม่สามารถปล่อยออกมาได้ เพราะทางทีมคิดว่าคุณภาพไม่ดีพอ จากที่สถานการณ์ดูท่าจะไม่ดี ก็ยิ่งดูน่าเป็นห่วงเข้าไปใหญ่ ช่วงนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนลาออกจากบริษัท จากที่ไม่เคยมีคนลาออกเลย พอไม่ได้งบตามแผนการตลาดที่วางไว้ ตอนนี้เลยเริ่มมีความคิดว่าเราน่าจะมีวิธีแก้ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ โดยการทดลองวิธีการตลาดอื่นๆ ที่ไม่ต้องใช้เงิน(ซึ่งบอกตอนนี้ได้เลยว่าไม่มี ฮ่าๆ)

สิ่งที่เกิดขึ้นช่วงนี้คือ

  • งานที่รับผิดชอบเยอะอยู่แล้วยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก จำนวนชั่วโมงทำงานมากขึ้น
  • เริ่มนอนหลับไม่ค่อยได้ เพราะกังวลตัวเลขต่างๆ ของเกมตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นรายงานประจำวันต่างๆ หรือยอดผู้เล่น DAU
  • ปวดหัวบ่อยมากเวลานั่งทำงาน ทำให้ไม่ค่อยมีความรู้สึกอยากทำงานเลย แต่ด้วยความที่มี email มาทวงงานอยู่ตลอดๆ เลยต้องฝืนตัวเองทำงาน
  • รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ทีเกิดขึ้นได้ และไม่มีอำนาจแก้ไข เนื่องจากงบ หรือ ปัจจัยอื่นๆ ก็แล้วแต่
  • เครียดกับงานและการทำเกมมาก จากที่ไม่เคยเครียดมาก่อน
  • เริ่มมีแต่ความรู้สึกไม่สบายใจตลอดเวลา อึดอัด ไม่สนุกเหมือนเคย เป็นแบบนี้อยู่ประมาณ 6 เดือน ก็ตัดสินใจว่า อยากมีความสุขเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เป็นตอนนั้น มันไม่มีความสุขเลย มันไม่สนุกเหมือนเดิมแล้ว ก็เลยคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องพักแล้วลาออกมาทำอย่างอื่นแล้วเลิกทำเกมแล้วล่ะ จึงตัดสินใจลาออก

มองย้อนกลับในตอนนี้

ผมมองว่าปัญหาทุกอย่างอยู่ที่ความคาดหวังของผมเองไม่ใช่ความผิดคนอื่นเลย ผมคาดหวังว่า บริษัทจะโตเรื่อยๆ และเป็นบริษัทเกมที่ใหญ่ของโลกให้ได้ครับ ถ้าความคาดหวังของคนอื่นจะต้องการให้บริษัทเป็นแบบเดิมไปเรื่อยๆ ผมว่าไม่ผิดนะแต่พอดีความคาดหวังผมกับบริษัทมันห่างกันมากไป จนหยุดไม่อยู่ พอคาดหวังเยอะ รักบริษัทเยอะ เลยผิดหวังเยอะและเจ็บเยอะเหมือนกัน และถึงตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าถ้าทำตามแผนที่ผมวางไว้ บริษัทจะเป็นยังไง อาจจะแย่กว่าเดิมหรือเปล่าเราก็ไม่มีทางรู้ การทำเกมในยุคนั้นทำเกมดีอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องมีเงินในการทำตลาดมหาศาลด้วย

4 ปีที่เลิกทำเกมไป

หลักๆ คือใช้เวลากับครอบครัว มีความสุขมาก และก็กลับมาเล่นเกม Starcraft 2 (ไปแข่งแล้วได้อันดับ 2 ของไทย..ที่เห็นในรูป 3-0 นั้นคือแพ้น้องเค้านะครับ ไม่ใช่ชนะ 555)

ต่อจากนี้ไป

สิ่งที่เปลี่ยนไปตอนนี้กับ 4 ปีก่อนหน้านี้คือการมาของ Blockchain ผมเริ่มมีความคิดอยากทำเกมบน Blockchain มาสักระยะแล้ว เลยคิดว่าจะเริ่มกลับมาทำเกมและอยากทำ Content ต่างๆ เกียวกับกับทำเกมสำหรับให้คนที่สนใจด้านการพัฒนาเกมด้วย สุดท้ายนี้ขอฝากไว้นะครับ

หากทีมไหนต้องการคนช่วย Consult ด้านการทำการตลาดเกม หรือยังหาคนทำการตลาดอยู่ สามารถติดต่อมาได้เลยนะครับ โดยเฉพาะ Gamefi ไม่ว่าทีมจะเล็กจะใหญ่ อยากทำเกมมาก.. 🙂

ติดต่อ